[ad_1]
l นรก – สวรรค์ ที่เราอาจพูดถึงน้อยไปหรือพูดพลาดไป l
การด่วนสรุปว่า เพราะเอาแต่พูดเรื่องนรกสวรรค์ เป็นการพาสังคมวนแต่เรื่องการข่มขู่ให้กลัว และล่อด้วยผลบุญ และจะทำให้เกิดการถดถอยในการพัฒนาอารยธรรม น่าจะเรียกว่าเป็นการเข้าใจผิดหรือทำให้เกิดการเข้าใจผิด ความจริงเราพูดถึงนรกสวรรค์น้อยเกินไปต่างหาก ทำให้คนขาดปีกแห่งความกลัวและปีกแห่งความหวัง ส่งผลโดยตรงต่อระดับความชั่วร้าย(ที่เพิ่มมากขึ้น) และระดับของความดี(ที่ลดน้อยลง) ของปัจเจกชนและสังคม
แต่ก็จัดเป็นปัญหาใหญ่อีก สำหรับการพูดเรื่องสวรรค์และนรกมากเกินไป และยังเป็นการพูดที่ขาดความสัมพันธ์ และการพูดแบบขาดความสัมพันธ์มักจะเป็นการพูดกว้างๆ ให้คนกลัวนรกและอยากเข้าสวรรค์ แต่ขาดความสนใจที่จะเล่าต่อไปว่า เกิดอะไรขึ้นในสวรรค์และนรก ซึ่งในอัลกุรอานและในหะดีษ มักจะให้ภาพรายละเอียด
ถ้าได้อ่านเรื่องราวของสวรรค์และนรก เราสามารถสรุปได้เลยว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสวรรค์และนรก รวมไปถึงเส้นทางไปสู่วันพิพากษา คือการสร้าง “ตัวตน” ของผู้ศรัทธาขึ้นมา ม้นเป็นการสร้างอัคลากของชีวิตผู้ศรัทธาขึ้นมาอย่างลึกซึ้ง
… ทันที่ที่เราตายไป เราจะถูกตั้งคำถามสามข้อในกุโบร์ เราจะได้เข้าใจว่า ความรู้เรื่องใดสำคัญที่สุด ทันทีของการพิพากษาในวันกิยามะฮฺ เราจะถูกถามเรืองการละหมาดและการหลั่งเลือด เราจึงได้เข้าใจว่า สิทธิของอัลลอฮฺอันใดที่สำคัญที่สุด และสิทธิของมนุษย์อันไหนที่สำคัญที่สุด
… เมื่อทุกคนถูกรวมตัวกันที่ “มะอฺชัร” อันเป็นโลกที่ร้อนระอุ เราได้เข้าใจแล้วว่า ความร่มเย็นนั้นพบได้ที่ใต้ร่มเงา และคนทุกประเภทที่กล่าวถึงว่าได้อยู่ภายใต้ร่มเงานั้น อิหม่ามอิบนุ กอยยิม บอกว่า มีคุณลักษณะเหมือนกันคือ เป็นชนิดคนที่ควบคุมนัฟสูของตัวเองไว้ได้(ในขณะที่อยู่ในดุนยา)
… เมื่อผ่านสะพานศิรอฎไปสู่สวรรค์ ทำให้เรารู้ว่า ระดับตักวาของมุสลิมไม่เท่ากัน คนที่ขาดตักวามากที่สุดนั้นร่วงหล่น คนที่มีตักวามากที่สุดย่อมผ่านไปดั่งสายฟ้า
… เมื่อท่านนบีตอบคำถามของคนที่อยากจะใกล้ชิดกับตัวท่านในสวรรค์ ท่านนบีบอกให้เขาต้องกลับมาที่ตัวเอง และสุญูดให้มาก ๆ นั่นคือชีวิตแห่งการยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างถึงที่สุด
… เมื่อท่านนบีบอกเล่าถึง “บ้าน”(ปราสาท)ที่อยู่ระดับบนสุดของสวรรค์ ท่านนบีบอกว่า ท่านประกันได้เลยว่า มันคือที่อยู่ของคนที่มี “อัคลากที่ดี” (นิสัยดี, มารยาทดี, ตัวตนที่ดีงาม)
… เมื่อท่านนบีบอกเล่าพื้นฐานง่ายๆ ของการได้เข้าสวรรค์ คือการมีชะฮาดะฮฺทั้งสองที่ถูกต้อง การมีละหมาดและถือศีลอด แต่ทันทีที่ดูเหมือนเศาะฮาบะฮฺมุ่งหวังกันแค่นั้น ท่านนบีกลับบอกว่า มีสวรรค์อีกร้อยชั้น แต่ละชั้นกว้างใหญ่ดั่งฟ้ากับดิน ซึ่งเตรียมไว้สำหรับคนที่ทำงานรับใช้ในหนทาง ซึ่งระดับสูงที่สุดของมันคือฟิรเดาส์
ฯลฯ
เรื่องราวต่างๆ อันมากมายของสวรรค์และนรก นั่นคือความตราตรึงใจ บางครั้งทำให้ผู้ศรัทธากลัวที่สุด ไม่กลัวอะไรในดุนยานี้เท่านี้อีกแล้ว บางครั้งทำให้ผู้ศรัทธาหวังอยากได้ที่สุด ไม่หวังอะไรในดุนยาเท่านี้อีกแล้ว โดยที่เรื่องราวทั้งหมดของมันจะเกี่ยวข้องกับ “อัคลาก” ของมุสลิมเสมอ
มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและโลกหน้าได้อย่างแท้จริง จะเป็นคนมารยาทไม่ดี จะเป็นคนพูดจาให้ร้ายคนอื่น จะเป็นคนไม่ให้เกียรติคนอื่น หรือแม้กระทั่งจะเป็นคนที่ไม่สนใจการพัฒนาความก้าวหน้าบนดุนยา เพราะทุกอย่างที่เป็นต้นไม้ดีที่งามในดุนยา เมื่อคนใดได้ปลูกมันในดุนยา(ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้ไหน ขอให้เป็นต้นไม้ที่ดี) เขาจะได้รับมันตลอดกาลในวันอาคิเราะฮฺ
เมื่อใดที่คนหนึ่งอยู่กับเรื่องราวของสวรรค์และนรก เขาจะไม่วุ่นวายกับคนอื่น เท่ากับกลับมาปรับปรุงตัวเอง เขาจะลดๆ การมีเรื่องมีราวในโซเชียลลง เสียใจในความผิดมากขึ้น ลดความอยากที่จะมีตัวตนลง คิดถึงการงานที่จะให้น้ำหนักกับตาชั่งแห่งความดีมากขึ้น คิดถึงการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ไว้เป็นความดีที่ยังคงไหลรินอยู่ได้ดั่งสายน้ำ เป็นต้น … เรื่องราวของสรรค์และนรก เป็นความจริง(ฮักกฺ)แต่เป็นความจริงที่มีความหมายเสมอ
|อัล อัค|
[ad_2]
Source (แหล่งอ้างอิง)