แน่นอนครับทุกคนรู้ว่ามันเป็นสิ่งมีค่าเพราะเวลาเนี่ยเป็นสิ่งที่ใช้เงินซื้อไม่ได้และไม่ว่าใครก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันการบริหารเวลาไหนจึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆของการใช้ชีวิตแต่คนเราแปลกอยู่อย่างนึงครับคือของบางอย่างที่มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลากลับชอบบอกว่ากลัวเสียเวลาแต่กับของบางอย่างที่รู้ทั้งรู้ว่าทำแล้วมันเสียเวลากับชอบไปใช้เวลากับมันถ้าพูดกันตามตรงนะครับคนส่วนใหญ่ในรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรดีอะไรไม่ดีแต่เพราะบางทีเนี่ยเสพติดความสบายเกินไปก็เลยไม่ได้ทำตามเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ให้มันสำเร็จแต่ถ้าจะบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะว่าคนเราเลวแหลกเองเนี่ยก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะผมมองว่าเวลาไหนก็เหมือนกันครับ
การที่เราไม่มีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าเนี่ย ก็เป็นเพราะว่าเราเนี่ยไม่รู้วิธีการจัดการเงินที่ดีเช่นกันครับ การที่เราไม่มีเวลาเหลืออยู่ในชีวิตเลยเนี่ยก็เป็นเพราะว่าบางทีเราเนี่ยไม่รู้วิธีการจัดเวลาที่ดีในวันนี้ครับผมก็ได้เอา สูตรการบริหารเวลาที่เรียกได้ว่าเรียบง่ายมากนะครับ เขาได้แนะนำเอาไว้ในหนังสือ เรื่องนี้ดีรู้งี้อ่านนานแล้ว ซึ่งเป็นคำสอนของอดีตเจ้านายเก่านะครับชื่อว่าคุณไพบูลย์ดำรงชัยธรรมซึ่งจริงๆแล้วคุณไพบูลย์เนี่ยก็ได้มาจากคุณเทียมโชควัฒนาอีกทีนึงแล้วสูตรการบริหารเวลาที่เรียบง่ายนี้เป็นยังไงวันนี้สมองไหลจะเล่าให้ฟังสูตรการบริหารที่เรียบง่ายมากนะครับสูตรนี้นี่มีชื่อว่าเร็วช้าหนักเบาอีกทีนะครับเร็วช้าหนักเบาซึ่งเป็นสูตรการบริหารเวลาที่ใช้ได้กับทุกเรื่องเลยนะไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานเรื่องส่วนตัวหรือแม้แต่เรื่องครอบครัวแน่นอนครับว่าสาเหตุหนึ่งที่เราเนี่ยไม่ค่อยจะมีเวลาหรือว่าจัดการเวลาไม่ดีเพราะว่าในแต่ละวันเนี่ยคนเราเนี่ยเขาจะมีงานเข้ามาเต็มไปหมดเลยแล้วมันก็ไม่ได้เข้ามาทีละอย่างนะเวลางานมันเข้ามาทีเนี่ยแต่มันมักจะเข้ามาพร้อมๆกันซึ่งข้อผิดพลาดของคนส่วนใหญ่ในก็คือเราเนี่ยชอบไปให้ความสำคัญกับทุกอย่างเท่ากันหมดฉะนั้นครับการจัดการเวลาข้อแรกกฏข้อแรกก็คือเราจะต้องจัดลำดับความสำคัญของมันให้ออกเป็นหมวดหมู่ก่อนนะครับ
หมวดที่ 1 คือหมวดเร็วเร็วนี้คืองานที่คุณต้องทำให้เสร็จแบบรวดเร็วอ่ะหรือว่ามันใกล้จะได้หลาย
หมวดที่ 2 คือช้าช้าเนี่ยคืองานที่ไม่มีเน็ต LINE ครับหรือว่ากว่าจะถึงเวลาอีกนานเลยแหละ
หมวดที่ 3 ครับคืนหนักหนักเนี่ยคืองานที่สำคัญแล้วก็ต้องใช้พลังงานมากเป็นพิเศษและบทสุดท้ายครับ
หมวดที่ 4 คือหมวดเบาเบาเนี่ยคืองานที่ไม่ต้องซีเรียสมากครับไม่ต้องใช้สมองมากหรือว่าไม่ค่อยสำคัญด้วยแต่ในชีวิตจริงเราครับ
ส่วนใหญ่งานเนี่ยมันจะไม่ได้เข้ามาทีละหมวดมันไม่ได้แบบเร็วก็เร็วช้าก็ช้าหนักก็หนักเบาใส่ไม่ได้เข้ามาเองครับเวลาเข้ามาในมันมักจะจับคู่กันเข้ามาคือเข้ามาทีเนี่ย 2 ขวดขึ้นไปเช่นหนักกับเร็วนะครับเร็วเนี่ยเป็นงานที่สำคัญแล้วก็ใกล้จะถึง Deadline และนะครับประมาณคือกับช้านะครับช้าหน่อยเป็นงานสำคัญครับ
แต่ว่าอีกนานครับกว่าเดดไลน์จะมาถึงรู้ว่าเป็นงานที่เป็นงานระยะยาว ต่อมาคือ
เบากับเร็ว
เป็นงานที่ต้องทำให้เสร็จตอนนี้แต่งานนี้มันไม่สำคัญแล้วจริงๆให้คนอื่นทำก็ได้และสุดท้ายครับคือหมวด
เบากับช้า
เบากับช้าเนี่ยจริงๆแล้วไม่ได้สาระอะไรเลยนะคือเอาไว้เคลียร์ทีหลังก็ได้หรือว่าไม่ต้องทำมันจะยังดีกว่านะครับเพราะแบ่งตามสูตรนี้ครับ เราจะเริ่มจัดลำดับความสำคัญได้และเราจะพบว่าความจริงแล้วงานที่มันเข้ามาเนี่ยมันไม่ได้มากมายขนาดนั้นแต่ปัญหาคือคนส่วนใหญ่เนี่ยมักเลือกทำงานที่มีสาระน้อยกว่าแต่มันสนุกหรือว่าเบากับช้าครับจนถึงเรานะเนี่ยมันเบียดบังเวลาที่เราต้องใช้ทำงานที่สำคัญหรือในแง่นึงครับเราเหนื่อยบางทีก็ใช้เวลากับงานที่มันหนักแล้วก็เร็วมากเกินไปจนรู้สึกว่าเฮ้ยอะไรวะมีแต่งานหนักกับเร็วเต็มไปหมดเลยนึกออกไหมครับงานที่สำคัญแล้วก็งานที่ใกล้จะถึงได้ไลน์ทำไมมันเยอะอย่างนี้แต่เอาจริงๆครับความลับของคนสำเร็จในเรื่องการบริหารเวลาเนี่ยคือเขาจะให้ความสำคัญกับงานที่หนักกับช้าก่อนคืองานที่มันสำคัญแต่ว่ามันยังไม่ถึงได้ไลน์ก็เพราะว่าถ้าคุณจัดการกับเวลาที่หนักกับชาสำเร็จอ่ะครับมันจะไม่ค่อยมีงานที่หนักแล้วก็เร็วนะเพราะว่าคุณจัดการมันเสร็จตั้งแต่มันช้าแล้วไงคราวนี้ครับ
เมื่อคุณจับเวลาแล้วก็งานตามหมวดหมู่ได้แล้วคราวนี้เนี่ยเราก็มาใช้กฎ ที่เราทำมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตเราเนี่ยถึง 80% แต่ 80% ของงานที่เราทำมันจะส่งผลกระทบต่อเรานี่แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งแน่นอนครับผมเนี่ยก็เคยเป็นคนที่พลาดตรงนี้แล้วเพิ่งจะจัดการได้เมื่อไม่นานนี้เองคือผมเนี่ยไปให้เวลากับงาน 80% ที่มันส่งผลกระทบแค่ 20% จนผมเนี่ยละเลยงานที่สำคัญ 20% แต่จริงๆแล้วมันส่งผลกระทบ 80% ยกตัวอย่างเพลงสมองหลายที่ผมทำอยู่นะครับซึ่งเฉลี่ยแล้วเนี่ยผมทำเรื่องเกี่ยวกับเพจเนี่ยเมื่อก่อนเนี้ยเฉลี่ยวันละประมาณ 10 ชั่วโมงนะต่อวันคุณรู้ไหมว่าเวลาเกือบเกือบ 9-10 ชั่วโมงเนี่ยผมเสียเวลาไปกับการแพ็คของแพ็คหนังสือแล้วส่งให้กับลูกค้านะครับแล้วก็เสียเวลาไปกับการตอบแชทเยอะมากซึ่งสิ่งนี้เนี่ยมันส่งผลกระทบต่อรายได้และอนาคตของผมหน่อยแค่ 20% เองนะแต่สิ่งที่มันผลกระทบกับผมมากก็คือว่างานเขียนบทความผมเขียนบทความหนึ่งเนี่ยผมสามารถที่จะสร้างยอดขายหรือว่าสร้างรายได้เนี่ยถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยคือผมใช้เวลาการเขียนบทความหน่อยแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงแต่ 2-3 ชั่วโมงเนี่ยทำงานให้ผมได้มหาศาลหรืองานที่ผมจะต้องเขียนหนังสือผมเขียนหนังสือในใช้เวลาเขียนหนังสือประมาณวันละ 2-3 ชั่วโมงซึ่งมันทำเงินให้กับผมมหาศาลเหมือนกันแต่ผมเนี่ยกลับไปให้ความสำคัญกับการแพ็คของมากเกินไปหรือว่าตอบแชทที่มันไม่ได้สาระมากเกินไปเพราะว่าอะไรมันคืองานที่เบาแล้วก็เร็วขึ้นงานที่ถ้าผมจะแพ็คของส่งให้ผมต้องแพ็คส่งวันนี้เลยไม่งั้นมันจะส่งถึงมือลูกค้าเนี่ยช้าแต่ถามว่ามันสำคัญกับชีวิตผมไหมการแพ็คของทำให้ชีวิตผมก้าวหน้าไหมการแพ็คของทำให้ชีวิตเนี่ยผมกล้าโกรธไหมคำตอบคือไม่เพราะสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมก้าวหน้าคือการเขียนบทความที่ทำให้เพจทุกวันแล้วก็การเขียนหนังสือที่เป็นสิ่งที่สำคัญกับวิกผมเพราะว่ามันขายทั่วประเทศแล้วก็มันมีผลต่อเขาเรียกว่าภาพลักษณ์หน้าตาแล้วก็อนาคตของผมด้วยหรืออีกเรื่องอื่นๆก็คือเรื่องของการวางกลยุทธ์การทำธุรกิจอื่นๆที่ผมต้องใช้การคิดเนี่ยมากเป็นพิเศษซึ่งแน่นอนครับงานพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขียนบทความหนังสือหรือว่าการคิดกลยุทธ์ธุรกิจมันเป็นงานที่หนักครับแต่มันช้าหมายความว่ากลยุทธ์ไม่ต้องคิดวันนี้ก็ได้หนังสือไม่ต้องเขียนวันนี้ก็ได้เพราะอีก 3 เดือนกว่าจะส่งสำนักพิมพ์แต่ทีนี้ผมก็เอาเวลาไปแพ็คของแพ็คของทุกวันเลยจนสุดท้ายเนี่ยอีก 1 เดือนจะต้องส่งสำนักพิมพ์และอีก 1 เดือนจะต้องเปิดสาขาธุรกิจใหม่แล้วมันกลายเป็นว่างานที่มันเคยหนักแล้วก็ช้ากลับกลายเป็นหนักและก็เร็วแล้วก็ถาโถมเข้ามาพร้อมกันหมดที่ทำไม่ทันไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วก็ใช้ชีวิตมั่วไปหมดครับสุขภาพก็แย่ผมก็เลยมาจัดเวลาใหม่แล้วก็มาคิดๆดูนะครับว่าจริงๆแล้วส่วนที่มันสำคัญกับชีวิตเรามันใช้ไปแค่ 20% เองนะของวันส่วนอีก 80 เปอร์เซ็นต์เนี่ยมันคืองานที่ทำแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากในส่วนของงานเบาแล้วก็เร็วหรือว่างานที่มันต้องรีบทำแต่มันไม่สำคัญเนี่ยผมก็เลยให้คนอื่นมาทำจ้างคนอื่นมาทำแทนเรานะครับแล้วก็อีกงวดนึงก็คือหมวดของเบาแล้วก็ช้านะครับเพื่อนๆทุกคนเป็นกันเยอะก็คือพวกการไถ Facebook เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยการดูแชทซึ่งบางทีดูแชทตลอด 5 นาทีแต่ก็ไม่ได้มีใครทักมาเนี่ยแต่ก็ดูอยู่นั่นแหละครับเนี่ยเป็นงานที่เบาแล้วก็ช้าซึ่งมันไม่ได้สาระแล้วก็มันกินเวลาเราไปมากนะครับในแต่ละวันเนี่ยถ้าไม่เชื่อคุณลองปิด Social นะกูลองปิดโทรศัพท์ติดโซเชียลดูสักชั่วโมงเนี่ยคุณจะรู้สึกเหมือนได้เวลากลับมาเพียบเลยแถมงานที่ทำอยู่ก็เสร็จเร็วขึ้นนะแล้วก็งานที่ทำเนี่ยนอกจากเสร็จเร็วก็มีคุณภาพมากขึ้นด้วยซึ่งมันทำให้คุณสามารถจัดการกับงานทั้งงานที่หนักแล้วก็ช้าหนักแล้วเร็วได้สบายๆเลยคือผมเคยนะที่บอกว่านั่งเขียนบทความน่าอ่านหนังสือแล้วก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วยเนี่ยกว่างานจะเสร็จเนี่ยประมาณ 4-5 ชั่วโมงนะครับบางทีก็ยาวถึงเช้าเลยนะแต่ผมลองเอาโทรศัพท์เนี่ยไปวางข้างนอกอีกห้องนึงอ่ะกลายเป็นว่าผมสามารถเขียนบทความเร็วแล้วก็หัวลื่นมากเลยคือเขียนรูปปืนลูกปืนเลยอ่ะนะครับแค่ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็เขียนเสร็จแล้วไม่น่าเชื่อเลยฉะนั้นลองดูครับลองติดโซเชียลสักชั่วโมงนึงหรือไม่ก็ทำแบบผมคือเวลาทำงานเอาโทรศัพท์ไปข้างนอกเลยนะครับคุณจะสามารถที่จะเคลียร์งานให้เสร็จเร็วอย่างสบายๆเลยแหละก็มาครับกฎข้อที่ 3 คือกด 2 นาทีสองนาทีพูดง่ายๆก็คืองานที่สามารถทำเสร็จภายใน 2 นาทีนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่เบาและก็เร็วเนี่ยก็ให้รีบทำให้เสร็จเลยเช่นการที่เราจะต้องตอบรับหรือปฏิเสธนัดเพื่อลูกน้องหรืออะไรก็ตามที่เขารอการตัดสินใจของเราหรือว่าการตอบอีเมล์ หรือว่ามีอีเมลอยู่อ่ะพอเราไม่ตอบเขาสักทีพอเราเวลาของเราไปทำงานที่สำคัญเนี่ยมันจะมีเหมือนกับมาขัดเราตลอดมันถามมาตลอดมารบกวนเราตลอดฉะนั้นนะครับงานพรุ่งนี้จัดการให้เสร็จเลยนะครับสรุปแล้วเนี่ยกดการจัดการเวลานี้มีอยู่ 3 ข้อหนึ่งคือแบ่งงวดก่อนนะครับเร็วช้าหนักเบามากครับข้อที่ 2 คือแบ่งออกด้วยกฎ 80 20 แบ่งดูว่างานไหนที่เราใช้เวลากับมัน 80% แต่มันส่งผลกระทบแค่ 20% และงานไหนที่เราให้เวลามัน 20% แต่ส่งผลกระทบกับเราถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้วให้เราเนี่ยเอา 80% ออกให้คนอื่นทำหรือว่าจัดการมันที่ให้เราได้ไปทำไปยุ่งกับมันน้อยที่สุดและเอาเวลามาโฟกัสกับสิ่งที่มันสำคัญ 20% ประมาณข้อที่ 3 กับข้อสุดท้ายก็คือกด 2 นาทีอะไรที่ทำเสร็จภายใน 2 นาทีให้รีบทำเลยมันจะได้ไม่มารบกวนเวลางานสำคัญของคุณฟังมาถึงตรงนี้ครับหลายคนคงเข้าใจการบริหารเวลาที่เรียบง่ายอย่างเร็วช้าหนักเบากฎ 80 20 แล้วก็กด 2 นาทีกันแล้วคราวนี้ก็เหลือแค่เอาไปลงมือทำอย่างเดียวเท่านั้นแหละครับบางคนเนี่ยบ่นว่าไม่มีเวลานะแต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักทีแต่บางคนเนี่ยดูเหมือนว่ายุ่งตลอดเวลาเลยแต่เขากลับทำอะไรสำเร็จได้มากกว่าเรานั่นก็เพราะว่าเขารู้จักวิธีการบริหารจัดการเวลาที่ถูกต้องอย่างคำกล่าวที่ว่าคนประสบความสำเร็จชีวิต 1 วันเขาดูเหมือนมีเวลา 25 ชั่วโมงนะส่วนคนที่ล้มเหลวเนี่ยชีวิต 1 วันเขาจะเหมือนมีแค่ 23 ชั่วโมงหรือพูดง่ายๆก็คือคนที่เขาประสบความสำเร็จเขาเหมือนว่าเขาเนี่ยมีเวลามากกว่าคนทั่วไปจนบางทีเราก็ตกใจว่าในวันหนึ่งเขาทำอะไรได้เยอะขนาดนี้เลยหรอทั้งที่จริงๆแล้วทั้งเขาและเราก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันแล้ว